เมื่อสินค้าถึงประเทศปลายทาง ผู้นำเข้าจะต้องนำส่งเอกสารแจ้งรายการสินค้านำเข้าและชื่อผู้นำเข้าแก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรของประเทศนั้นๆ สินค้าที่จะนำเข้านั้นจะยังไม่ถูกนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย จนกว่าสินค้าจะถูกส่งถึงท่าเรือ หรือ ท่าอากาศยานปลายทาง โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรของประเทศนั้นๆ และชำระภาษีอากรขาเข้าเรียบร้อยแล้วเท่านั้น จึงจะถือว่าเป็นการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งผู้นำเข้ามีหน้าที่ในการจัดเตรียมเอกสารให้ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบและนำสินค้าออกจากท่าเรือหรือสนามบินปลายทาง
สำหรับสินค้าที่ต้องการนำเข้าประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นทางเครื่องบิน ทางเรือ หรือทางรถ ทางบริษัทวี-เฟรนด์ มีบริการเคลียร์สินค้า (ชิปปิ้ง) เคลียร์ภาษีหรืออากรขานำเข้า และเป็นตัวแทนท่านในการออกของ เราสามารถให้คำปรึกษาท่านในเรื่องภาษีและอากรขาเข้าสำหรับสินค้าทุกประเภท ให้ความสะดวกท่านในการเคลียร์สินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ติด มอก., สมอ., อ.ย. หรือ ใบอนุญาตนำเข้าต่างๆ สินค้าประเภทเครื่องจักรและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ อะไหล่รถยนต์และมอเตอร์ไซด์ เป็นต้น
เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการนำเข้าสินค้า
- บัญชีราคาสินค้า (Comercial Invoice)
- บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ P/L (Packing List)
- ใบตราส่งสินค้า B/L (Bill of Lading or Air Waybill)
- ใบแจ้งยอดเบี้ยประกัน (Insurance Premium Invoice)
- ใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตสำหรับสินค้าควบคุมการนำเข้า
- ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) กรณีขอลดอัตราอากร
ขั้นตอนการนำเข้า
- ต้องรู้เทมอ การซื้อ ขาย FOB / CIF ,C&F, CFR ,/ ( FCA shipper จะ ทำแค่ shipping ) Ex-work )
- ทำการ ยืนยัน ใบเสนอ ราคาๆ ค่าบริการ ที่จะเกิดขึ้นก่อนดำเนินพิธีการใดๆ
- ตรวจสอบสินค้า ให้ลูกค้า ว่าพิกัด ใด ต้องเสียภาษี เท่าไร ติดใบอนุญาต หรือ สินค้า ห้ามนำเข้า /ก่อน
- ถ้า FOB ต้องทำการ ติดต่อ กับ ทาง buddy freight เพื่อทำการ ติดต่อ ประเทศผู้ส่ง เพื่อทำการจองเรือ ให้ตัวแทนของเรา ประสานงานให้
- เอกสาร ที่ ต้องการ ให้ ประสานงาน คือ P/O ,PI / ชื่อ เบอร์โทร คนติดต่อ ที่ต้นทาง เพื่อให้ตัวแทนของเรา ติดต่อ และส่งสินค้าไม่ผิด order
- ทำการ สอบถามกับผู้นำเข้าได้ลงทะเบียน กับ กรมศุลกากร ไว้หรือยัง ถ้ายัง ให้งทะเบียน แนบ 1 หรือ แนบ 7 ถ้าลงแล้ว ทำการมอบอำนาจในระบบกรมศุลกากรให้ บัดดี้ ทำการสามารเดินพิธีการ ขาเข้าได้
- ทำการ จองเรือแล้ว รอ ตรวจสอบ เอกสาร ทั้งหมด( draft B/L, invoice packing ( form FTA ถ้ามี) ก่อน เรือออก
- การตรวจเอกสาร ข้อมูล ที่ใช้ในการ ตรวจ เอกสาร ต่างๆ ต้องตรงกัน 3 อย่าง ทุกข้อความ B/L, invoice packing ( form FTA ถ้ามี)
- เมื่อเรือออก หรือ มีการ delay ต้องแจ้งลูกค้า ทุก ขั้นตอน
- ยื่นใบอนุญาตต่างๆก่อนเรือเข้า ( ถ้ามี เช่น อย. เกษตร ประมง กรมป่าไม้ หรือ สมอ กรมอุตสาหกรรม)
- ก่อนเรือจะถึงประเทศไทย 2-4 วัน ต้องทำการ Enter กับสายเรือ (ทำการยื่นยันข้อมูลที่มีกับกรมศุลกากร และ สายเรือ )
- ทำการ draft ใบขน เพื่อส่งยอดเบิกภาษีนำเข้าต้องเสียเท่าไร และรวมถึงรวบรวมเอกสาร ตัวจริงทั้งหมดเพื่อเตรียมเดินพิธีการ
- เรือถึง เช็ค status B/L / Original or surrender เพื่อ ทำการ ไปจ่ายค่าlocal change กับสายเรือและ แลกB/L เป็น D/O ไว้ตรวจปล่อย
- ถ้ามาแบบ LCL คือรวมตู้ กับคนอื่น ต้องรอ ตู้เปิด 3-5 วัน แล้วแต่สถานณ์การ ณ เวลานั้น เช่น ติดวันหยุดยาว โกดังเต็ม ฝนตก หรือ อื่นๆ อาจเปิดตู้เร็ว 1-2 วันก็อาจเป็นไปได้ ( เมื่อเรือเทียบท่าและไม่ติดวันหยุด )
- ถ้ามาแบบ FCL คือลากตู้ สามารถ ส่งสินค้า ได้ภายใน 1-2 วัน ( เมื่อเรือเทียบท่าและไม่ติดวันหยุด )
- เอกสารครบ คือ D/O, ใบขนสินค้าขาเข้า ,แคทเชียร์เช็คค่าภาษี B/L ,invoice ,packing ,(form FTA ถ้ามี ) (ใบอนุญาต ถ้ามี )
- ถ้าสินค้า ติดใบอนุญาต ต่าง ต้องใช้เวลาเดินก่อน 1 วันหรือ อาจจะตรวจปล่อยได้ เลย ต้องดู เรื่องเอกสารและ คนเยอะในการรอคิว ตรวจ
- ถ้าเดินพิธีการปกติ ใช้เวลา 1 วัน ในการ ตรวจปล่อย การคิดค่าภาระหรือค่าเช้าโดกัง ของการท่าเรือ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ ท่าเรือนั้นๆ
- สินค้า / FCL ปล่อยเช้า ส่ง บ่ายได้ หรือไม่ก็ต้องส่งถึงโรงงานเช้าวัยทัดไป แต่ถ้า LCL ต้องตรวจแล้วส่งให้ลูกค้าในวันเดียว กันเลย
- ทำการส่งวางบิล เครติด ขึ้นอยู่กับการตกลงกันก่อน ให้บริการ
- ถ้า CIF ,C&F, CFR **ยื่นยันราคาค่าบริการก่อนเดินพิธีการทุกครั้ง
- รอเอกสารจากเมือง นอก และ รอเรือเข้า เช็คได้เมื่อเอกสาร B/L ครบ และทำต่อ ที่ข้อ 10 ตามลำดับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พิธีการศุลกากรขาออก
Export Customs Clearance
บริการเดินพิธีการศุลกากรขาออก (ชิปปิ้งขาออก)
สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทย ต้องผ่านพิธีการศุลกากรขาออก เคลียร์ภาษีหรืออากรขาออก (ชิปปิ้ง) ซึ่งเป็นการรายงานต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า มีสินค้าอะไรบ้าง ใครเป็นผู้ส่งออก และส่งไปที่ใด การส่งออกสินค้าบางประเภท จำเป็นจะต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม เพื่อใช้สำหรับเดินพิธีการศุลกากรที่ประเทศปลายทางเราจะจัดเตรียมเอกสารให้ท่านเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
- เอกสารรับรองการรมยาไม้ Fumigation Certificate : ใช้สำหรับการส่งออกสินค้าที่ทำจากไม้ และลังไม้
- เอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Certificate of Origin (C/O) : สำหรับสินค้าที่เป็นผ้า (ส่วนมากสำหรับส่งออกสินค้าที่ทำจากผ้าไปประเทศในแถบยุโรป)
- เอกสารรับรองสุขอนามัยพืช Phytosanitary Certificate : สำหรับสินค้าการเกษตร เช่นต้นไม้ และสำหรับสินค้าที่ทำจากไม้ ที่จะนำเข้าประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ISF Filling Form for USA : สำหรับทุกชิปเม้นท์ที่ส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกาทางเรือ
- AFR Filling Form for Japan : สำหรับทุกชิปเม้นท์ที่ส่งออกไปญี่ปุ่นทางเรือ
เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการส่งออกสินค้า
- บัญชีราคาสินค้า (Comercial Invoice)
- บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ P/L (Packing List)
- ใบตราส่งสินค้า B/L (Bill of Lading or Air Waybill)
- ใบอนุญาตส่งออกหรือเอกสารอื่นใดสำหรับสินค้าควบคุมการส่งออก
ที่มา www.customs.go.th
ขั้นตอนการส่งออก
1.เช็คข้อมูลกับกรมศุลกากรว่ามีข้อมูลผู้ส่งออก กับกรมศุลกากร (paperless) ทำการ เพิ่มข้อมูลก่อนส่งออก
2. จัดทำใบขนสินค้าขาออก ที่ได้รายละเอียดจาก( invoice packing )ผู้สางออก / และใบกำกับสินค้า /
3.จองรถเพื่อไปรับตู้เปล่าไปบรรจุสินค้า ที่สถานที่ของผู้ส่งออก (FCL) และนำสินค้าไปยังที่ท่าเรือส่งออก ส่วน ( LCL) นำสินค้าไปโหลดสินค้าที่ท่าเรือ ที่ได้ทำการจองไว้กับสายเรือ
4.เช็คสถานะ เปิดตรวจ หรือ ยกเว้นการตรวจ / ถ้าเปิดตรวจ ต้องเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ นายตรวจ กรมศุลกากร เพื่อ พาไปตรวจสินค้า
5.รอเรือออก สถานะ เป็น 0409 เป็นการจบสมบรูณ์